คอนโดฯ ในพัทยา : วิธีเลือกยูนิตและชั้นคอนโดที่เหมาะสม

พัทยาได้กลายเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในประเทศไทยสำหรับการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพูดถึงคอนโดในพัทยา ด้วยชายหาดที่สวยงาม ไลฟ์สไตล์ที่มีชีวิตชีวา และการพัฒนาโครงการ คอนโดฯ ในพัทยา ที่ทันสมัย ทำให้ผู้ซื้อจากทั่วโลกต่างหลงใหลในเมืองชายฝั่งแห่งนี้ อย่างไรก็ตาม เมื่อถึงเวลาต้องเลือกคอนโดที่เหมาะสม โดยเฉพาะยูนิตและชั้นที่ตั้งอยู่ มีหลายปัจจัยสำคัญที่ควรพิจารณาหลังจากเลือกผู้พัฒนาโครงการที่เชื่อถือได้ เช่น Empire Group

คู่มือนี้จะช่วยให้คุณตัดสินใจได้อย่างถูกต้องด้วยคำแนะนำที่เป็นประโยชน์ ข้อมูลเชิงลึกในท้องถิ่น และเคล็ดลับที่เข้าใจง่าย ไม่ว่าคุณจะซื้อเพื่อการลงทุนหรือเพื่อการอยู่อาศัย นี่คือวิธีการเลือกคอนโดในพัทยาที่สมบูรณ์แบบ

1. เข้าใจตลาด คอนโดฯ พัทยา

คอนโดฯ  พัทยา มีหลากหลายประเภท ตั้งแต่ยูนิตที่ราคาย่อมเยาไปจนถึงอาคารสูงหรูหรา ตลาดอสังหาริมทรัพย์ของเมืองมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยราคาปรับตัวเพิ่มขึ้นประมาณ 5-7% ต่อปีระหว่างปี 2020 ถึง 2023 การเติบโตนี้ได้รับแรงหนุนจากทั้งนักลงทุนในประเทศและต่างประเทศที่มองหาบ้านพักตากอากาศ ที่อยู่อาศัยหลังเกษียณ หรือทรัพย์สินเพื่อการให้เช่า

ปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อ คอนโดฯ ในพัทยา

• ทำเลที่ตั้งของ คอนโดฯ พัทยา : ความใกล้ชิดกับชายหาด แหล่งบันเทิง และการคมนาคมสามารถส่งผลต่อมูลค่าทรัพย์สินได้อย่างมีนัยสำคัญ 
• สิ่งอำนวยความสะดวกใน คอนโดฯ พัทยา : อาคารที่มีสิ่งอำนวยความสะดวก เช่น สระว่ายน้ำ ฟิตเนส และบริการรักษาความปลอดภัย มักดึงดูดผู้ซื้อและผู้เช่ามากกว่า
• ชื่อเสียงของผู้พัฒนาโครงการ: ผู้พัฒนาที่มีผลงานการก่อสร้างคุณภาพและการส่งมอบตรงเวลามักได้รับความนิยมมากกว่า

ทำเลยอดนิยมสำหรับคอนโดฯ พัทยา

• พัทยากลาง: เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการอยู่อาศัยใน คอนโดในพัทยา ท่ามกลางความคึกคัก ใกล้ห้างสรรพสินค้าและสถานบันเทิงยามค่ำคืน
• จอมเทียน: พื้นที่ชายหาดที่เงียบสงบ เหมาะสำหรับครอบครัวและผู้เกษียณอายุ
• เขาพระตำหนัก: เป็นที่รู้จักในด้าน คอนโดในพัทยา หรูๆ และเห็นวิวทะเล
• หาดวงศ์อมาตย์: เป็นที่ตั้งของโครงการ คอนโดในพัทยา ระดับไฮเอนด์ ที่มีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น
  

2. การเลือกชั้นที่เหมาะสมสำหรับ คอนโดฯ ในพัทยา

ชั้นของคอนโดในพัทยาสามารถส่งผลต่อชีวิตประจำวัน ศักยภาพในการลงทุน และแม้กระทั่งความปลอดภัยของคุณได้อย่างมีนัยสำคัญ แต่ละชั้นมีข้อดีและข้อเสีย การเข้าใจความแตกต่างเหล่านี้เป็นกุญแจสำคัญในการเลือกที่เหมาะกับความต้องการและความคาดหวังของคุณ

คอนโดในพัทยา ชั้นล่าง (ชั้น 1 ถึง 3)

• เดินทางขึ้น-ลงง่าย ไม่ต้องรอลิฟต์นาน
• เหมาะสำหรับครอบครัวที่มีเด็ก ผู้สูงอายุ หรือมีปัญหาในการเคลื่อนไหว
• แต่มักมีเสียงรบกวนมากกว่าและความเป็นส่วนตัวน้อยกว่า อาจหันหน้าไปทางที่จอดรถหรือสวนส่วนกลาง

คอนโดในพัทยาชั้นกลาง (ชั้น 4 ถึง 8)

• คอนโดในพัทยานี้จะมีความสมดุลระหว่างวิว ความเงียบสงบ และความสะดวกสบาย
• ขายต่อได้ง่ายกว่าเนื่องจากมีความนิยมมากกว่า
• คอนโดฯ พัทยา นี้ เป็นที่นิยมในหมู่ผู้เช่าระยะยาวและคนในท้องถิ่น

คอนโดในพัทยาชั้นสูง (ชั้น 9 ขึ้นไป)

• เป็น คอนโดพัทยา ที่ดีที่สุด เหมาะสำหรับวิวทะเลและเสียงรบกวนจากถนนน้อยที่สุด
• มีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น การหมุนเวียนอากาศดีกว่า
• ข้อเสียของ คอนโดพัทยา นี้คือ ราคาสูงกว่า แถมยังมีเวลารอลิฟต์ที่นานขึ้น และอาจร้อนกว่าชั้นล่าง ๆ

ข้อควรพิจารณาเมื่อซื้อ คอนโดพัทยา

• มูลค่าขายต่อ: ยูนิต คอนโดพัทยา ที่มีวิวดีกว่า (มักอยู่บนชั้นสูงกว่า) สามารถมีมูลค่าขายต่อที่สูงกว่า
• ความต้องการเช่า: นักท่องเที่ยวอาจชอบ คอนโดพัทยา ที่อยู่บนชั้นสูงกว่าเพื่อวิว ในขณะที่ผู้เช่าระยะยาวอาจให้ความสำคัญกับการเข้าถึงที่สะดวก
• เคล็ดลับ: เยี่ยมชม คอนโดฯ พัทยา ในช่วงเวลาต่างๆ ของวันเพื่อตรวจสอบแสง เสียง และความร้อน

3. ทิศทางและการจัดวางยูนิตใน คอนโดฯ ในพัทยา มีความสำคัญ

เมื่อเลือกซื้อ คอนโดฯ พัทยา ปัจจัยหลายอย่าง เช่น ขนาดและราคาล้วนมีความสำคัญ แต่ทิศทางและการจัดวางยูนิตเอง ก็สามารถส่งผลต่อประสบการณ์การอยู่อาศัยของคุณได้อย่างมีนัยสำคัญ Embassy Pattaya เป็นตัวอย่างของการออกแบบที่รอบคอบ โดยเพิ่มประสิทธิภาพพื้นที่และการใช้งานเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้อยู่อาศัยยุคใหม่

ตัวอย่างเช่น Embassy Pattaya มีการจัดวางแบบเปิดที่เชื่อมต่อพื้นที่นั่งเล่น รับประทานอาหาร และครัวอย่างลงตัว สร้างความรู้สึกกว้างขวางแม้ในยูนิตที่มีขนาดกะทัดรัด การใช้หน้าต่างสูงจากพื้นจรดเพดานไม่เพียงแต่เพิ่มแสงธรรมชาติ แต่ยังช่วยในการระบายอากาศ ลดการพึ่งพาเครื่องปรับอากาศ ยูนิตที่หันไปทางทิศตะวันออกได้รับแสงแดดยามเช้าและช่วงบ่ายที่เย็นกว่า ในขณะที่ยูนิตที่หันไปทางทิศใต้รับลมที่พัดผ่าน ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพพลังงาน

นอกจากนี้ BullMark Properties เอง ยังเห็นด้วยว่า การออกแบบยูนิตที่ยืดหยุ่นของ Embassy Pattaya ยังอนุญาตให้ผู้ซื้อปรับแต่งได้ ยูนิตที่มีขนาด 51 ตารางเมตรขึ้นไป สามารถปรับเป็นอพาร์ตเมนต์แบบหนึ่งหรือสองห้องนอนได้ เพื่อตอบสนองความต้องการด้านไลฟ์สไตล์ที่หลากหลาย ความสามารถในการปรับตัวนี้ช่วยให้พื้นที่อยู่อาศัยยังคงใช้งานได้และเกี่ยวข้องในระยะยาว รองรับการเปลี่ยนแปลงในความต้องการของผู้อยู่อาศัย

ความใส่ใจในรายละเอียดของการจัดวางและทิศทางที่ Embassy Pattaya แสดงให้เห็นว่า การออกแบบที่ชาญฉลาดสามารถเพิ่มความสะดวกสบาย การใช้งาน และความพึงพอใจในระยะยาวในการอยู่อาศัยในคอนโดได้อย่างไร

4. การเป็นเจ้าของ คอนโดฯ ในพัทยา อย่างถูกกฎหมาย

หากคุณกำลังคิดจะลงทุน คอนโดฯ พัทยา หรู ไม่ว่าคุณจะเป็นคนไทยหรือต่างชาติ สิ่งสำคัญคือต้องเข้าใจกฎเกณฑ์การเป็นเจ้าของ ประเทศไทยมีกฎหมายคอนโดที่เป็นมิตรกับชาวต่างชาติมากที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แต่ยังคงมีข้อจำกัด โดยเฉพาะสำหรับผู้ซื้อที่ไม่ใช่คนไทย

โควต้าการเป็นเจ้าของคอนโดฯ ในพัทยา สำหรับคนไทยและชาวต่างชาติ

ตามกฎหมาย โครงการคอนโดในประเทศไทยต้องปฏิบัติตามกฎ 49/51 ซึ่งหมายความว่าไม่เกิน 49% ของพื้นที่ขายทั้งหมดในอาคารคอนโดสามารถเป็นเจ้าของโดยชาวต่างชาติ ส่วนที่เหลืออีก 51% สงวนไว้สำหรับคนไทยหรือบริษัทที่คนไทยเป็นเจ้าของ

หากโควต้าสำหรับชาวต่างชาติยังว่างอยู่ ผู้ซื้อชาวต่างชาติสามารถซื้อห้องชุดแบบ ฟรีโฮลด์ (Freehold) ได้ ซึ่งเป็นรูปแบบการถือครองที่ปลอดภัยและดีที่สุด แต่หากโควต้าชาวต่างชาติเต็มแล้ว ทางเลือกที่เหลือคือซื้อในรูปแบบ ลีสโฮลด์ (Leasehold) หรือผ่านบริษัทที่มีสัญชาติไทย (ซึ่งมีความเสี่ยงทางกฎหมายและความซับซ้อนที่สูงกว่า) โดยสามารถสรุปสัดส่วนโควต้าได้ดังนี้ 

• โควต้าชาวต่างชาติ = สูงสุด 49% ของพื้นที่ขายทั้งหมด
• โควต้าคนไทย = อย่างน้อย 51% หรือมากกว่า

คำแนะนำ: ก่อนตัดสินใจซื้อ คอนโดในพัทยา ให้สอบถามจากโครงการหรือเอเจนต์ว่า “ยูนิตที่สนใจอยู่ในโควต้าชาวต่างชาติหรือไม่” เพื่อให้แน่ใจว่าเป็นการซื้อคอนโดในพัทยา แบบฟรีโฮลด์หรือไม่

ประเภทของการถือครอง คอนโดฯ ในพัทยา

1. แบบฟรีโฮลด์ (Freehold)

คุณเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์เต็มรูปแบบ โดยชื่อของคุณจะระบุอยู่ในโฉนดห้องชุด เหมาะสำหรับทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ (หากยังอยู่ในโควต้าชาวต่างชาติ) ถือเป็นการถือครองที่มั่นคงและถูกต้องตามกฎหมายที่สุด

2. แบบลีสโฮลด์ (Leasehold)

เป็นการเช่าในระยะยาว โดยทั่วไปคือ 30 ปี (ต่ออายุได้ตามข้อตกลง) แม้ว่าคุณจะไม่มีกรรมสิทธิ์ในทางกฎหมาย แต่คุณมีสิทธิใช้งานยูนิตในช่วงระยะเวลานั้น เหมาะสำหรับกรณีที่โควต้าชาวต่างชาติเต็ม หรือเป็นอาคารที่เน้นให้เช่า

ค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่ควรทราบเมื่อซื้อ คอนโดฯ พัทยา

ไม่ว่าคุณจะเป็นคนไทยหรือชาวต่างชาติ การซื้อคอนโดไม่ได้มีแค่ราคาซื้อเพียงอย่างเดียว ยังมีค่าใช้จ่ายอื่นที่ควรเตรียมไว้ด้วย ได้แก่

• ค่าธรรมเนียมการโอนกรรมสิทธิ์: ปกติ 2% ของราคาขาย (มักแบ่งจ่ายคนละครึ่งระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย เว้นแต่ตกลงกันไว้ต่างหาก)
• กองทุนสำรอง (Sinking Fund): ค่าธรรมเนียมครั้งเดียวที่จ่ายเมื่อโอนห้อง สำหรับดูแลรักษาอาคารในระยะยาว
  ค่าส่วนกลางรายเดือน: สำหรับบำรุงรักษาสิ่งอำนวยความสะดวกร่วม เช่น สระว่ายน้ำ ฟิตเนส ระบบรักษาความปลอดภัย ฯลฯ
• ภาษี: หากคุณวางแผนจะปล่อยเช่าคอนโด รายได้จากค่าเช่าอาจต้องเสียภาษีในประเทศไทย

บทสรุป: เลือก คอนโดฯ ในพัทยา อย่างชาญฉลาด

การซื้อ คอนโดในพัทยา เป็นอีกก้าวที่น่าตื่นเต้น แต่การเลือกยูนิตและชั้นที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้คุณได้รับความคุ้มค่า และประสบการณ์การอยู่อาศัยที่ดีในระยะยาว อย่าลืมพิจารณาความต้องการส่วนตัว พฤติกรรมประจำวัน และเป้าหมายในอนาคตของคุณเมื่อเปรียบเทียบตัวเลือกต่างๆ ทั้งในด้านความสูงของชั้น ทิศทางการหันหน้า และรูปแบบการถือครอง เหนือสิ่งอื่นใด ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยทางกฎหมาย โดยเฉพาะหากคุณเป็นชาวต่างชาติ และอย่าลังเลที่จะปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ

การเตรียมตัวให้ดีตั้งแต่แรก จะช่วยให้คุณหลีกเลี่ยงปัญหาในภายหลัง และมั่นใจได้ว่าคอนโดฯ พัทยา ของคุณจะเป็นทั้งที่อยู่อาศัยแหล่งใหม่ที่คุณรัก แถมยังเป็นการลงทุนที่สร้างผลตอบแทนได้อย่างแท้จริง แวะชมโชว์รูม Embassy Pattaya แล้วคุณจะเห็นว่า “คอนโดเพื่อการลงทุนที่ดีที่สุดในพัทยา” เป็นอย่างไร แน่นอนว่าการออกแบบดีไซน์ที่ชาญฉลาด ผสมผสานกับความหรูหราทันสมัยของ Empire Group จะเป็นจุดเริ่มต้นของชีวิตในวันนี้ ที่มีมูลค่าและคุณค่าที่เพิ่มขึ้นในอนาคต 

📞 +66 (0) 83-940-6662
📧 info@embassypattaya.com
🌐 embassypattaya.com